วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

โลก​ต้อง​มี​กัลยาณมิตร

 


พระมหา​อัครสาวก​ ​เบื้อง​ขวา​-เบื้องซ้าย

"โลก​ต้อง​มี​กัลยาณมิตร" 

พระสารี​บุตร​เถระ
https://84000.org/one/1/03.html

พระมหาโมคคัลลานะเถระ​
https://84000.org/one/1/04.html

☀☀☀☀☀

พระสารีบุตร เดิมชื่อ อุปติสสะ เป็นบุตรของวังคันตพราหมณ์ มารดาชื่อสารี บิดาเป็นประธานของหมู่บ้านอุปติสสคาม ใกล้เมืองราชคฤห์ บิดามารดามีฐานะร่ำรวย เหตุที่ท่านได้ชื่อว่า สารีบุตร เนื่องจากเมื่อท่านบวชแล้วเพื่อนพระภิกษุด้วยกันมักเรียกท่านว่า สารีบุตร แปลว่า บุตรนางสารีตามชื่อมารดาของท่านอุปติสสะ​ ทานมีสหายคนหนึ่งชื่อว่า โกลิตะ เป็นบุตรของนายบ้านโกลิตคามซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน เที่ยวด้วยกันและศึกษาศิลปวิทยาร่วมกัน

วันหนึ่งทั้งสองได้ไปเที่ยวชมมหรสพในเมืองเห็นความไร้สาระของมหารสพเกิดความเบื่อหน่ายในการเสพสุขสำราญจึงปรึกษากันแล้วชวนกันพร้อมกับบริวารบวชเป็นปริพพาชกอยู่ในสำนักสัญชัย เวลัฏฐบุตร เพื่อศึกษาธรรมแต่ยังมิได้บรรลุธรรมพิเศษเป็นที่สุดที่พอใจ จึงนัดหมายกันว่าผู้ใดได้บรรลุธรรมพิเศษก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่ผู้อื่น

ขณะนั้นเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ พระอัสสชิซึ่งเป็นองค์หนึ่งในจำนวนปัญจวัคคีย์ได้เดินทางมาเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและกำลังบิณฑบาตอยู่ อุปติสสะได้พบท่านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงติดตามไปเมื่อพระอัสสชิฉันอาหารเสร็จแล้ว จึงได้เข้าไปถามถึงข้อปฏิบัติ พระอัสสชิได้แสดงธรรมให้ฟังสั้น ๆ ว่า

"สิ่งทั้งหลายย่อมเกิดจากเหตุ จะดับไปก็เพราะเหตุดับ”

อุปติสสะได้ฟังเกิดดวงตาเห็นธรรม คือ เข้าใจแจ่มแจ้งสิ้นความสงสัยบรรลุโสดาบัน เมื่อทราบว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่พระเวฬุวันจึงนำธรรมที่ตนได้ฟังไปเล่าถ่ายทอดให้โกลิตะผู้เป็นสหายฟัง โกลิตะเมื่อฟังแล้วก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นเดียวกัน จึงไปลาอาจารย์สัญชัย พร้อมทั้งบริวารพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้ขอบวชเป็นพระสาวกพร้อมทั้งบริวาร พระพุทธเจ้าประทานบวชให้ทั้งหมด เมื่อบวชแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาอบรม บริวารทั้งหมดได้สำเร็จอรหันต์ก่อน

ส่วนอุปติสสะ ได้บำเพ็ญธรรมต่อมาอีก 15 วันจึงได้สำเร็จอรหันต์​  พระสารีบุตรได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุอื่นในทางปัญญา เป็นผู้มีคุณธรรมดีเด่นด้านปัญญา เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า เป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนา พระสารีบุตรนิพพานวันเพ็ญกลางเดือน 12 นิพพานก่อนพระโมคคัลลานะ 15 วัน และก่อนพระพุทธเจ้าประมาณ 7 เดือน ก่อนนิพพานท่านได้เทศนากล่อมเกลาจิตใจของบิดามารดาจของท่านให้กลับใจมานับถือพระพุทธศาสนาจนเป็นผลสำเร็จ

คุณธรรมที่เป็นแบบอย่าง

1. เป็นผู้มีปัญญาเลิศ สามารถเข้าใจพระธรรมคำสอนของพรพุทธเจ้าได้อย่างลึกซึ้งและอธิบายให้คนอื่นฟังได้อย่างดียิ่ง แม้เรื่องยากเพียงไรก็ตาม ก็สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย เมื่อมีพระสงฆ์สาวกจะทูลลาไปต่างเมือง พระพุทธเจ้ามักตรัสให้ไปลาและรับฟังโอวาทจากพระสารีบุตรด้วย

2. เป็นผู้มีขันติเป็นเลิศ มีความสงบเสงี่ยมไม่คิดร้ายใคร ไม่โกรธหรือคิดตอบโต้ใคร ๆ เช่น ท่านถูกพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งทราบว่า ท่านไม่โกรธและมีความอดทน ย่องไปทุบข้างหลังจนท่านเซไปข้างหน้า ท่านก็ไม่เหลียวมอง ทำให้พราหมณ์เกิดความสำนึกผิดและขอขมาท่าน

3. เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีเป็นเลิศ พระสารีบุตรเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที ท่านนับถือพระอัสสชิเป็นพระอาจารย์องค์แรกของท่าน เมื่อรู้ว่าพระอัสสชิอยู่ในทิศใด เวลาจะนอนท่านจะหันศีรษะไปทางทิศนั้น นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ยอดกตัญญูรู้คุณ แม้เพียงเพราะพราหมณ์แก่ชื่อว่าราธะซึ่งเคยตักข้าวใส่บาตรท่านทัพพีท่านก็จำได้ และเมื่อราธพราหมณ์ประสงค์จะบวชแต่ไม่มีใครรับรองให้บวช
ท่านก็กราบทูลพระพุทธเจ้าขอรับหน้าที่บวชให้

4.เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน พระสารีบุตร เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ถึงแม้จะได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่ามีปัญญาเทียบเท่าพระองค์ ท่านก็ไม่เคยลืมตนท่านอ่อนโยนต่อทุกคน ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวท่านจึงเป็นที่รักของเพื่อนพระสาวกด้วยกันเป็นอย่างมาก


☀☀☀☀☀


พระมหาโมคคัลลานะ มีนามเดิมว่า โกลิตะ เป็นบุตรพราหมณ์หัวหน้าหมู่บ้านโกลิตคาม ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านอุปติสสคาม ท่านมีเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวด้วยกัน ชื่ออุปติสสะ ชีวิตในวัยหนุ่มของท่าน ก็เช่นเดียวกับชีวิตพระสารีบุตร คือได้เป็นศิษย์ของอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร

เมื่อเบื่อหน่ายลัทธิคำสอนของอาจารย์สัญชัย ก็พากันแสวงหาแนวทางใหม่ อุปติสสะได้พบพระอัสสชิและฟังธรรมจากท่าน จนบรรลุโสดาปัตติผลจึงนำมาบอกแก่โกลิตะ โกลิตะได้ฟังก็บรรลุเป็นพระโสดาบันเช่นกัน ทั้งสองจึงพากันไปบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ดังรายละเอียดที่กล่าวไว้แล้ว

หลังจากบวชแล้ว โกลิตะได้นามเรียกขานในหมู่บรรพชิตว่า โมคคัลลานะ ท่านได้บำเพ็ญเพียรทางจิต ณ หมู่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แต่ไม่สามารถบังคับจิตให้เป็นสมาธิได้ เพราะถูกความง่วงครอบงำ พระพุทธองค์ได้เสด็จไปประทานโอวาท บอกวิธีแก้ง่วง 7 ประการให้ท่าน ดังนี้

1.ถ้ามีสัญญาอย่างไรอยู่เกิดความง่วง ให้นึกถึงสัญญานั้นให้มาก หมายความว่า ถ้านึกคิดเรื่องใดอยู่แล้วเกิดความง่วง ก็ให้กำหนดสิ่งนั้นให้มากกว่าเดิม แล้วความง่วงจะหาย

2.ถ้ายังไม่หายให้พินิจพิจารณาถึงเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมา หรือที่เล่าเรียนมา ความง่วงก็จะหาย

3.ถ้ายังไม่หาย ให้ท่องข้อความที่กำลังอ่านอยู่ หรือนึกถึงอยู่ดัง ๆ ความง่วงก็จะหาย

4.ถ้ายังไม่หาย ให้ยอนหูทั้งสองข้าง คือเอาอะไรแยงหู แล้วความง่วงก็จะหาย

5.ถ้า​ยังไม่หาย ให้ลุกขึ้นเอาน้ำล้างหน้า แหงนดูทิศทั้งหลาย ความง่วงก็จะหาย

6.ถ้ายังไม่หาย ให้คำนึงถึง “อาโลกสัญญา” คือ วาดภาพถึงแสงสว่าง ความง่วงก็จะหาย

7.ถ้ายังไม่หาย ให้เดินจงกรม คือ เดินกลับไปกลับมา ความง่วงก็จะหาย
   
พระพุทธองค์ตรัสว่า ให้ปฏิบัติตามวิธีทั้ง 7 นี้ ความง่วงจะหายไปแน่นอน แต่ถ้าไม่หายจริงๆ ก็ให้นอนเสียในท่าสีหไสยาสน์ จากนั้นพระพุทธองค์ประทานโอวาทให้ท่านพิจารณาถึงเวทนาว่า เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ท่านปฏิบัติตามพระโอวาทแล้วได้บรรลุพระอรหัตเป็นพระอรหันต์ ในวันที่ 7 หลังจากอุปสมบท

ผลจากการได้บรรลุพระอรหัตผล ก็คือ ท่านได้อภิญญา (ความสามารถพิเศษ) คือ มีอิทธิฤทธิ์ด้วย จึงได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นในทางมีฤทธิ์มาก และได้รับแต่งตั้งเป็น “อัครสาวก” เบื้องซ้ายคู่กับพระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา

ความที่ท่านมีฤทธิ์มาก ท่านจึงได้อิทธิปาฏิหาริย์เป็น “สื่อ” หรือเป็น “เครื่องมือ” ชักจูงคนมิจฉาทิฐิที่มีฤทธิ์ให้คลายจากความเห็นผิด แล้วหันมานับถือพระพุทธศาสนามากมาย บางครั้งก็ได้รับพุทธบัญชาให้ไป “ปราบ” ผู้มีฤทธิ์ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ทำให้เกียรติคุณของพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้เข้ามาบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์มากขึ้นตามลำดับ

การกระทำของท่านในประเด็นนี้ได้สร้างผลกระทบต่อลัทธิเดียรถีย์อื่น ๆ อย่างมาก จนถึงกับว่าจ้างพวกโจรมาฆ่าพระโมคคัลลานะ เพื่อ “ตัดมือตัดเท้า” ของพระพุทธเจ้า พวกโจรมาล้อมกุฏิของพระโมคคัลลานะ ถึง 3 ครั้ง แต่ท่านก็เข้าฌานเหาะหนีไปได้ถึง 3  ครั้ง ครั้งที่ 4 ท่านเห็นว่าเป็นการชดใช้กรรมเก่าจึงไม่ยอมหนี จึงถูกพวกโจรทุบจนกระดูกแหลกละเอียด พวกโจรนึกว่าท่านตายแล้วจึงหนีไป พระเถระดำริว่า ยังไม่กราบทูลพระพุทธเจ้าจะนิพพานไม่ได้ จึงประสานร่างให้คงคืนตามเดิมด้วยอำนาจฌานสมาบัติ แล้วเหาะไปกราบทูลลาพระพุทธองค์ จากนั้นก็นิพพาน

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง

1.เป็นผู้มีความอดทนยิ่ง เมื่อบวชแล้ว พระโมคคัลลานะไปปฏิบัติธรรมอยู่ ณ กัลลวาลมุตตคาม พยายามเพื่อบรรลุผลที่ต้องการแม้ถูกความง่วงครอบงำ ท่านก็พยายามนั่งสมาธิเดินจงกรมไม่ยอมเลิก แสดงให้เห็นถึงการมีความอดทน พากเพียรพยายามสูงยิ่ง แต่ความเพียรเท่านั้นยังไม่พอ ต้องประกอบด้วยความรู้ คือ เพียรอย่างฉลาด พระพุทธเจ้าจึงประทานวิธีการแก้ง่วงให้ท่าน เมื่อปฏิบัติตามแล้ว ท่านก็เอาชนะความง่วงได้ แล้วบำเพ็ญเพียรต่อไปจนได้บรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

2.เป็นผู้ถ่อมตนยิ่ง พระโมคคัลลานะเป็นพระเถระมีอิทธิฤทธิ์ บางครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระบัญชาให้พระโมคคัลลานะใช้อิทธิฤทธิ์ปราบผู้ควรปราบ เพื่อให้เขาหายพยศแล้วนำเข้าหาพระธรรม แม้จะมีฤทธิ์มาถึงอย่างนี้ ท่านกลับเป็นผู้ถ่อมตนยิ่ง ดังวันหนึ่งพระสารีบุตรเห็นท่านมีใบหน้าผ่องใสจึงซักถาม พระโมคคัลลานะตอบว่าท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ครั้นถามว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ไกลมาก ท่านโมคคัลลานะเหาะไปฟังธรรมหรือ พระโมคคัลลานะตอบว่ามิได้เหาะไปฟัง แต่ฟังด้วยทิพยโสต เมื่อพระสารีบุตรชมเชยว่า พระโมคคัลลานะนี้ช่างมีความสามารถเหลือเกิน พระโมคคัลลานะกลับไม่หลงในคำชมนั้น แต่พูดว่า “ความสามารถของข้าพเจ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่านพระสารีบุตรแล้วเพียงเล็กน้อย ดุจก้อนเกลือเล็กๆ วางไว้ใกล้หม้อน้ำใบใหญ่ฉะนั้น” ความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้ เป็นคุณธรรมที่เป็นแบบอย่างที่ดี ที่บุคคลควรดำเนินตามเป็นอย่างยิ่ง

3.มีความใฝ่รู้อย่างยิ่ง คุณธรรมข้อนี้ปรากฏตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส เมื่อไปดูมหรสพบนภูเขากับอุปติสสะ (พระสารีบุตร) เกิดความเบื่อหน่าย ใคร่จะแสวงหาแนวทางที่ดีกว่า จึงชวนอุปติสสะไปศึกษาอยู่กับอาจารย์สัญชัยเวลัฏฐบุตร ไมนานท่านก็เรียนจนจบหมดภูมิของอาจารย์ เพราะความใฝ่รู้ของท่าน จึงอยากศึกษาหาความรู้ยิ่งๆ ขึ้นไป และเที่ยวแสวงหาครูอาจารย์อื่นต่อไปจนกระทั่งอุปติสสะได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ มาเล่าให้ฟัง ท่านก็ตั้งใจฟัง จนได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งหมดนี้แสดงถึงความใฝ่รู้ของท่าน จึงทำให้ท่านได้รับความรู้ยิ่งๆ ขึ้นไป จนสำเร็จพระอรหัตผลในที่สุด

ศิษยานุ​ศิษย์​วัด​พระ​ธรรมกาย​โจฮันเนส​เบิร์ก​สาธารณรัฐแอฟริกาใต้​รวบรวม​และ​เรียบเรียง​จากพระไตรปิฎก​ ฉบับมหามกุฏ​ราชวิทยาลัย​ เล่มที่​ 32 และข้อความจาก​  "dhamma follower"


⭕รู้ไหม..ถ้าบวชจะได้อานิสงส์มากขนาดไหน?
⭕ #อานิสงส์ใหญ่ที่คาดไม่ถึงจริง ๆ !
"#บวชทดแทนพระคุณบิดามารดา สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา เปิดทางสวรรค์และนิพพานให้กับตน และทุกคนในโลก"

🌟ชวนบวชพระ บูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมาร ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์เลย
เพราะผังมีไว้ให้สำเร็จ เราก็ต้องทำให้สำเร็จตามผัง 
คนในโลกนี้มีอยู่แล้ว เราก็ไปตามมาบวชเท่านั้นเอง
อย่าไปกังวลเรื่องสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาก็มีแบบนี้ในทุกยุคทุกสมัย ฝนตก น้ำท่วม ฟ้าร้อง หรือโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งปัญหามี..เราก็แก้ไขกันไป
เพราะคนมีบุญที่จะมาบวชนั้นมีอยู่ เราก็ไปเอามาบวชเลย

☀​ (ทบทวนโอวาทในอดีต)☀


🍀โครงการบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ประจำปี 2563🍀
🍀กำหนดการ
เข้าโครงการ : วันอาทิตย์ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 
พิธีบรรพชา  : วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ.2563
พิธีอุปสมบท : วันที่ 12 - 13 - 14 ธันวาคม พ.ศ.2563
สถานที่อบรม  : มหารัตนวิหารคด รอบพระมหาธรรมกายเจดีย์ วัดพระธรรมกาย
ระยะเวลา  :   อบรมระหว่างวันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 - วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
🍀หลักฐานการสมัครบวช
    1. สำเนาทะเบียนบ้าน
    2. สำเนาบัตรประชาชน
    3. หลักฐานการศึกษา
🍀คุณสมบัติผู้เข้าอบรม
    1. เป็นชายแท้ อายุ 20 ปี ขึ้นไป
    2. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ โรคจิต โรคประสาท หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่ร้ายแรง
    3. ไม่ติดยาเสพติดให้โทษทุกชนิด
    4. ร่างกายไม่ทุพพลภาพ
    5. เป็นผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการอบรม
    6. มีคุณสมบัติอื่น ๆ ของผู้บวช ตามกฎมหาเถรสมาคม
🍀สอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 02-831-1234

Cr. วัดพระธรรมกายโจฮันเนสเบิร์ก

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ให้ได้บวชตั้งแต่เยาว์วัย

To be ordained at an earlier age

Luang Por makes a wish everyday to be ordained at an earlier age in the next life,

not because of laziness on making a living,

but, the actual purpose in life is how to free oneself from suffering

and to totally extinguished suffering for both ourselves and others.


August 15 B.E.2548

Luangpor Dhammajayo’s teaching


หลวงพ่ออธิษฐานทุกวัน
ภพชาติต่อไปให้ได้บวชตั้งแต่เยาว์วัย
ไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำมาหากิน
แต่เพราะงานที่แท้จริงมันไม่ใช่อย่างนั้น
งานที่แท้จริง คือ
ทำอย่างไรจึงจะสลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์
ที่จะดับทุกข์ทั้งของเราและของผู้อื่นได้

คุณครูไม่ใหญ่
๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๘


การบวชแต่เยาว์วัยนั้น ถือเป็นการให้กำเนิดผู้เป็นเหล่ากอของสมณะ ผู้มีความบริสุทธิ์ และเป็นกำลังพระศาสนาได้ แม้วัยจะน้อยนิดก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ดังเรื่องของสามเณรนิโครธ

เรื่องมีอยู่ว่า หลังพุทธปรินิพพานประมาณ ๓๐๐ ปี หลังจากที่พระเจ้าอโศกทรงเลิกทำสงคราม ก็คิดจะหาความสงบพระทัย เดิมทีพระองค์ทรงนับถือลัทธินอกพุทธศาสนาอยู่ ๓ ปี ได้ถวายภัตตาหารให้แก่นักบวชในลัทธิต่างๆ วันละหลายแสนคน พอเข้าปีที่ ๔ ก็ได้หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพราะอานุภาพของสามเณรนิโครธ

ผู้ที่ได้เชิญชวนท่านบวช เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งชื่อ มหาวรุณ ได้มารับท่านไปบวชเมื่อมีอายุได้ ๗ ขวบ เพียงเวลาปลงผมเสร็จเท่านั้น สามเณรก็ ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที และท่านก็ยังฝึกฝนอบรมตนเองเป็นอย่างดี มีศีลาจารวัตรงดงาม ยังให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสแก่พระเจ้าอโศก ถือได้ว่าท่านเป็นบุคคลสำคัญที่พลิกสถานการณ์ให้พระพุทธศาสนา กลับมาเจริญรุ่งเรืองได้อีกครั้ง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเราท่านทุกคนก็มีโอกาสสร้างศาสนทายาท ผู้เป็นกำลังสำคัญของพระศาสนาได้เช่นกัน
ด้วยการส่งลูกหลานและเชิญชวนชายทั้งหลายให้มาบวชกันให้ทั่วทั้งแผ่นดิน

** สมัครบวชรุ่นบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์
อบรมระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน 63 - 7 กุมภาพันธ์ 64
สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02 831 1234

*** สมัครบวชยุวธรรมทายาทอายุ 10-12 ปี
อบรมระหว่างวันที่ 14-22 พฤศจิกายน 2563
ณ ศูนย์อบรมเยาวชนสุรินทร์
โทร:064 613 7563
(line) ID :Themoon007


เรื่องสามเณรนิโครธ https://www.blockdit.com/posts/5eda100cdf2a584d52809e0f
หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพุทธสาวก-พุทธสาวิกา หน้า ๒๓๙ - ๒๔๙ พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑ หน้า ๘๐

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

การลงทุนที่ยอดเยี่ยม

ถ้า Ray Dalio นักการเงินผู้โด่งดัง และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารกองทุนขนาด 1.5แสนล้านเหรียญ ได้กล่าวว่า การทำสมาธิ คือ การลงทุนที่ยอดเยี่ยม  แล้วละก็... (คลิกเพื่ออ่านตอนที่แล้ว)

สิ่งที่น่าศึกษาก็คือ การทำสมาธิคืออะไร ? 

เรามาดูคำจำกัดความจาก U.S. Department of Health and Human Services, National Institutes of Health (NIH) ด้านล่างนี้กัน

“ การทำสมาธิ เป็นการฝึกจิตใจและร่างกายที่มีประวัติอันยาวนาน มีการใช้เพื่อ

- เพิ่มความสงบ การผ่อนคลายทางร่างกาย 

- ปรับปรุงสมดุลทางจิตใจ 

- รับมือกับความเจ็บป่วย 

- เสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดี 

เป็นการปฏิบัติของจิตใจและร่างกาย โดยมุ่งเน้นไปที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมอง จิตใจ ร่างกาย และพฤติกรรม”

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า การทำสมาธิ ได้รับการยกย่องในการนำมาซึ่งสุขภาพจิตและอารมณ์ แต่มีหลักฐานที่เป็นข้อเท็จจริงอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้หรือไม่ ? แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ในการตอบคำถามนี้ แต่คำตอบง่าย ๆ ก็คือ ใช่

จากการศึกษาของ Harvard Medical School’s Neuroscience Department การทดสอบการสแกนสมอง พิสูจน์แล้วว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพต่อโครงสร้างสมองได้อย่างแท้จริง 

Sara Lazar, PhD เป็นผู้นำการวิจัยที่ Harvard’s Neuroscience Department ในการให้สัมภาษณ์กับ The Washington Post, Lazar ระบุว่า;

การศึกษาครั้งแรก มองไปที่ผู้ทำสมาธิระยะยาว เทียบกับกลุ่มควบคุม เราพบว่าผู้ทำสมาธิในระยะยาว มีปริมาณสีเทาเพิ่มขึ้นในบริเวณอินซูลาและบริเวณประสาทรับสัมผัส คอร์เทกซ์การได้ยินและการรับสัมผัส ซึ่งก็ดูสมเหตุสมผล เพราะเมื่อคุณตั้งสติได้ คุณจะให้ความสำคัญกับการหายใจ การฟังเสียง ประสบการณ์การอยู่กับปัจจุบัน และปิดการรับรู้ เป็นการยืนยันได้ว่าประสาทสัมผัสของคุณทำงานดีขึ้น

นอกจากนี้เรายังพบว่ามีสสารสีเทามากขึ้นในเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับความจำในการทำงาน และการตัดสินใจของผู้บริหาร”

สสารสีเทาและสสารสีขาวในสมอง


หากนั่นยังไม่น่าทึ่งพอ การศึกษาครั้งที่สองได้ดำเนินการกับบุคคลที่ไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อนในชีวิต 

กลุ่มนี้ฝึกสมาธิทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ (เฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน) หลังจากสแกนสมองทำสมาธิเพียง 8 สัปดาห์ พบว่าบุคคลเหล่านี้มีปริมาณสมองมากขึ้นใน 5 ส่วนหลักของสมองที่รับผิดชอบการทำงานที่หลากหลาย นี่คือลิงก์ไปยังบทความฉบับเต็มจาก The Washington Post

หลังจากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์นี้แล้ว คุณอาจจะเห็นว่ามันคุ้มค่าที่จะลงทุน ด้วยการพยายามอย่างมีสติเพื่อเริ่มนั่งสมาธิอีกครั้ง 

แม้คุณอาจจะเคยนั่งสมาธิและหลุดออกไปแล้ว อย่างไรก็ตามผู้เขียนสามารถยืนยันได้ถึงความรู้สึกที่ดีขึ้นตลอดทั้งวันเมื่อได้ทำสมาธิ



คุณจะทำสมาธิได้อย่างไร

ง่าย ๆ หาสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบ (ในร่มหรือกลางแจ้งก็ได้) และจดจ่อกับการหายใจของคุณ หรือคำภาวนา ยุคนี้ YouTube ยังเป็นแหล่งข้อมูลคลิปทำสมาธิที่ดีเยี่ยม ระยะทางจึงไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคุณในยุคโควิดเช่นนี้ 

แต่เราแบ่งปันสิ่งนี้ด้วยความหวังว่าคุณจะมีสมาธิมากขึ้น มีสติรู้ตัว และจิตใจที่ใสสะอาด เพื่อจะทำงานอย่างมีประสิทธิผลในแต่ละวันเพื่อก้าวเข้าสู่เป้าหมายที่คุณตั้งไว้

ลองอ่าน Principle ของ Ray Dalio หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมจากบุคคลที่มีความคิดที่ดี

หวังว่าคุณจะยังคงผลักดันตัวเองให้ทำสมาธิต่อเนื่อง และได้ผลลัพธ์ที่ก้าวหน้าต่อไป


สามารถคลิกเพื่อการทำสมาธิที่บ้านได้พร้อมกัน 19.30 น.ทุกวันที่นี่

https://www.youtube.com/channel/UCvdBvVBS0ytcSOeRU-VunNg


ขอขอบคุณบทความและรูปภาพจาก

Meditating with Ray Dalio

The Washington Post : harvard-neuroscientist-meditation-not-only-reduces-stress-it-literally-changes-your-brain

www.pixabay.com

https://www.technologynetworks.com/neuroscience/articles/gray-matter-vs-white-matter-322973

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

“มันเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม”

เมื่อบุคคลที่ทรงอิทธิพลด้านการลงทุนระดับโลก พูดถึงการทำสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่น่าศึกษาไม่ใช่หรือ ว่ามันคุ้มค่าอย่างไร ?


หนังสือ Principles โดย Ray Dalio


หากเอ่ยถึงหนังสือขายดีติดอันดับโลกอย่าง  Principles เชื่อว่าหลายคนรู้จักดีว่า เป็นหนังสือที่ช่วยแนะนำเส้นทางแห่งความสำเร็จที่ได้รับคำนิยมจากบุคคลชั้นนำอย่าง Bill Gates และ Anthony Robbins เป็นหนังสือที่เขียนจากประสบการณ์ของคนที่ล้มเหลวแล้วกลับมายืนอย่างผู้มีชัยชนะได้อีกครั้ง 

ขณะเดียวกันหลายคนคงจะรู้จักผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ในฐานะของบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินในระดับสูง เพราะเขาเป็นผู้ก่อตั้ง หนึ่งในกองทุนป้องกันความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลก Bridgewater Associates เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 30 ในสหรัฐอเมริกาและเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 69 ของโลกด้วยมูลค่าสุทธิ 15.2 พันล้านดอลลาร์ (ตุลาคม 2014) 

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงชายที่ชื่อ Ray Dalio


Ray Dalio จาก Bridgewater Associates


เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2492 ในครอบครัวนักดนตรีแจ๊ส ในวัยเด็ก Dalio สนใจการลงทุนเมื่ออายุได้ 12 ปี Ray ได้ซื้อหุ้นของ Northeast Airlines จำนวน 300 เหรียญ เมื่อสายการบินควบรวมกิจการกับ บริษัท อื่น Ray ก็ประสบความสำเร็จในการลงทุนสามเท่า นี่คือประตูที่เปิดไปสู่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าในชีวิตของ Ray

หลังจากได้รับปริญญาตรีสาขาการเงินจาก Long Island University และปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard Business School Ray ได้เข้าทำงานในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กที่ลงทุนในสินค้ากลุ่มฟิวเจอร์ส (ได้แก่ ทอง, น้ำมัน เป็นต้น) ตอนอายุ 26 Dalio ก่อตั้ง บริษัท Bridgewater Associates ซึ่งมีทรัพย์สินกว่า 160 พันล้านดอลลาร์ ปัจจุบันรับบริหารเงินมากกว่า 1.5 แสนล้านดออลาร์ 


Ray มีหลักการในการดำเนินชีวิตหลายประการ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ Ray Dalio เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในการทำสมาธิ 

ในการให้สัมภาษณ์กับ The New York Times Dalio เล่าว่าเขาทำสมาธิทุกวันโดยมีช่วงเวลา 20 นาทีมากถึง 2 ครั้ง นี่เป็นนิสัยของ Ray มานานกว่า 45 ปีแล้ว 

เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่า “คุณนั่งสมาธิวันละ 40 นาทีหรือเปล่า” 

Dalio ตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “มันเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม” 

เรย์อธิบายว่าการทำสมาธินำมาซึ่งความใจเย็นและความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตของเขา



ในโลกที่เชื่อมต่อกันมากเกินไปในปัจจุบัน การมุ่งเน้นไปที่การให้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ติดตามกันมากขึ้น ผ่านข้อความตัวอักษรและการแจ้งเตือนทางโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางคนมากมายที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องความสนใจของเรา

แม้ตัวเราเองก็ดิ้นรนเช่นกัน ที่จะรักษาโฟกัสในสิ่งที่สำคัญที่สุด พร้อมกับการรับข้อมูลที่เพิ่งเกิดขึ้นทุก ๆ วันอย่างไม่หยุดหย่อน และคงไม่ผิดไปจากความจริง ถ้าจะบอกว่า เราทุกคนจะได้รับประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเติมและรักษาจุดสนใจในงานของเราได้ทุกวัน




แล้วการทำสมาธิ คืออะไร เรามีคำตอบทั้งในเชิงสุขภาพและวิทยาศาสตร์ด้านสมอง


โปรดติดตามได้ในตอนหน้าค่ะ

การลงทุนที่ยอดเยี่ยม


สามารถคลิกเพื่อการทำสมาธิที่บ้านได้พร้อมกัน 19.30 น.ทุกวันค่ะ 

https://www.youtube.com/channel/UCvdBvVBS0ytcSOeRU-VunNg

เรียบเรียงจาก

Meditating with Ray Dalio
https://jordan-pravin-philip.medium.com/meditating-with-ray-dalio-5389df37bd05

ขอขอบคุณภาพจาก 
www.pixabay.com

https://www.bridgewater.com/

หนังสือ Principles

https://www.principles.com/

#1 NEW YORK TIMES BESTSELLER

#1 AMAZON BUSINESS BOOK OF THE YEAR

#1 THAILAND NATIONAL BESTSELLER