วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563

พระสงฆ์สาวกที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกมีอยู่จริงหรือ?



รูปเหมือนทองคำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย


เมื่อความตายมาเยือน หัวใจหยุดเต้น ลมหายใจหมดสิ้น สังขารสูญสลาย ร่างกายมอดไหม้ ธาตุ 4 กลับคืนสู่เถ้าธุลี ศรัทธาคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในดวงวิญญาณ

ศรัทธาที่เหลืออยู่นั้นจะทำหน้าที่เป็นเครื่องนำทางไปสู่สุคติภพ หากสิ้นศรัทธาเมื่อใด ใจก็ไร้แสงสว่าง ดวงวิญญาณก็ไร้แสงนำทาง ความมืดย่อมนำทางดวงวิญญาณไปสู่ทุคติภพ

สมัยพุทธกาล ในช่วงเวลาที่มีผู้ละสังขารนั้น มักมีผู้มาสอบถามพระพุทธองค์ว่า ดวงวิญญาณของผู้ตายไปอยู่ภพภูมิใด

พระพุทธองค์ก็มักตรัสตอบว่า ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา คือเครื่องนำทางไปสู่ความสำเร็จสมปรารถนา

เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ เขาพากเพียรในธรรม 5 ประการนี้ เพื่อความปรารถนาในฐานะใด เมื่อตายไปแล้ว เขาย่อมสมปรารถนาในฐานะนั้น

ธรรมทั้ง 5 ข้อนี้ แท้จริงหมายเอาศรัทธาเป็นหัวหน้า หากปราศจากศรัทธาแล้ว ก็จะไม่รู้เหตุผลว่าต้องปฏิบัติอีก 4 ข้อที่เหลือไปทำไม

เพราะเมื่อไม่มีศรัทธา ทำไมต้องรักษาศีล (ศีล) ทำไมต้องฟังธรรม (สุตะ) ทำไมต้องทำทาน (จาคะ) ทำไมต้องทำภาวนา (ปัญญา)

ศรัทธาจึงเป็นหัวหน้าที่คอยอธิบายเหตุผลให้เกิดปัญญาว่า

1. เพราะชีวิตเราอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม เราทำกรรมอย่างไร กรรมที่ทำนั้นแหละกำหนดชีวิตเรา

2. เพราะชีวิตเราตายแล้วไม่สูญ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไปตามแรงกรรมดีกรรมชั่วที่ตัวเราก่อไว้ทั้งสิ้น ทำดีก็เป็นสุข ทำชั่วก็เป็นทุกข์

3. การเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีลักษณะหมุนซ้ำเป็นวงจรอยู่ในภพ 3 ซึ่งเป็นคุกขนาดใหญ่ที่ขังสรรพสัตว์ไว้ ให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนี้

4. การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีทางเดียวคือต้องแหกคุกที่เรียกว่า ภพ 3 ออกไป ถ้าไม่แหกคุกออกไปก็ต้องติดคุกอยู่ในภพ 3 นี้ ไปตลอดกาล

5. บุคคลที่แหกคุกภพ 3 ออกไปได้สำเร็จนั้นมีอยู่จริง บุคคลนั้นคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่ได้แหกคุกหนีออกไปคนเดียวเพียงลำพัง แต่ยังสอนให้ผู้อื่นแหกคุกตามออกไปกับท่านด้วย

6. เมื่อแหกคุกภพ 3 ออกไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นไปอยู่ไหน พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ท่านไปอยู่รวมกันใน "นิพพาน" เป็นแดนสถานอันบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพานไปก่อนหน้าแล้ว (ปหาราทสูตร)

7. พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานกว่าสองพันห้าร้อยปี เรามาเกิดยุคนี้จะตามไปศึกษาวิธีแหกคุกจากภพ 3 กับท่านได้อย่างไร
พระพุทธองค์ทรงเคยสั่งไว้ว่า เมื่อเราปรินิพพานไปแล้ว "ธรรมวินัย" นั่นแหละคือศาสดาแทนเรา พุทธสาวกองค์ใดตั้งใจปฏิบัติตามธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พระสงฆ์สาวกรูปนั้นคือตัวแทนเรา

8. ดูอย่างไรว่าพระสงฆ์สาวกองค์ใดที่ปฏิบัติตามธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
พระพุทธองค์ทรงเคยตอบไว้ว่า ในวันที่เราตรัสรู้นั้น เราอาศัย 2 สิ่ง คือความเพียรอันแรงกล้าและการยอมสละชีวิตเพื่อให้ได้ตรัสรู้ธรรม หากแม้ตรัสรู้ธรรมไม่ได้ ตถาคตยอมตายอยู่ที่โคนศรีมหาโพธิ์ ไม่ขอลุกขึ้นจากโพธิบัลลังก์

จากคำตอบนี้ก็แปลว่า พระสงฆ์สาวกองค์ใดมีความเพียรอันแรงกล้า แม้ต้องตายก็ยอมสละชีวิต เพื่อแลกกับการบรรลุธรรม ท่านนั้นแหละคือผู้มีธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนเรา ไปเรียนธรรมะกับท่านนั่นแหละ จะได้มีความพากเพียรเหมือนกับท่าน

9. พระสงฆ์สาวกที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกมีอยู่จริงหรือ
เมื่อตอนที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ป่าโคสิงคสาลวัน ทรงเคยชี้ให้พระอานนท์ดูว่า เหล่าภิกษุผู้เดินตามหลังพระสารีบุตรล้วนเป็นผู้มีปัญญามาก เหล่าภิกษุที่เดินตามหลังพระโมคคัลลานะล้วนมีฤทธิ์มาก เหล่าภิกษุผู้เดินตามหลังพระอนุรุทธะล้วนมีตาทิพย์ระลึกชาติได้มาก ซึ่งก็หมายความว่าการเลือกพระสงฆ์สาวกรูปใดเป็นอาจารย์ ลูกศิษย์ก็จะมีความสามารถเหมือนรูปนั้น

ต่อมาเมื่อพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ พระอนุรุทธะ และพระอานนท์มาเข้าเฝ้าพร้อมกัน พระพุทธองค์ก็ตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย เธอรู้หรือไม่ ป่างามเพราะอะไร
พระอรหันต์แต่ละองค์ ท่านก็ตอบว่างามไปตามความถนัดในอภิญญาฤทธิ์ของท่าน เมื่อทุกรูปตอบจบแล้ว พระพุทธองค์ก็ตรัสสรุปว่า ป่างามด้วยภิกษุผู้มีความเพียร

ซึ่งคำตอบนี้ก็สอดคล้องกับความเพียรที่พระองค์ทรงยกย่องในวันตรัสรู้ นั่นคือความเพียรชนิดที่ยอมสละชีวิตเพื่อการบรรลุธรรม

ในยุคของเรานี้ แม้อยู่หลังพุทธกาลมาสองพันห้าร้อยปี แต่ละท้องที่ก็มีพระสงฆ์สาวกที่ทำความเพียรขั้นอุกฤษฏ์ประจำท้องถิ่นนั้นๆ เช่นกัน ศรัทธาองค์ไหนก็ปฏิบัติตามองค์นั้น

10. พระสงฆ์สาวกที่ปฏิบัติธรรมแบบอุทิศชีวิตนั้นส่วนมากอยู่ในป่า ถ้าจะศึกษากับองค์ที่อยู่กลางเมืองมีหรือไม่

คำตอบคือ มี ในยุคของเรานี้ เมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านอยู่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ลูกศิษย์ลูกหาในปัจจุบันเรียกท่านว่า "หลวงปู่วัดปากน้ำ" แม้ว่าตอนนี้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ลูกศิษย์ของท่านมีกระจายอยู่ทั่วโลก

11. หลวงปู่วัดปากน้ำท่านมรณภาพไปแล้ว จะไปศึกษาธรรมวินัยกับท่านได้อย่างไร

เริ่มจากง่ายๆ ใกล้ตัวคือ ไปศึกษาชีวประวัติของท่าน จากเส้นทางเดินธุดงค์เมื่อสมัยท่านมีชีวิต เริ่มจากสถานที่ตั้งจิตอธิษฐาน วัดที่ท่านออกบวช วัดที่ท่านปักหลักทำภาวนาแบบยอมตายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา วัดที่ท่านเผยแผ่ธรรมะไปทั่วโลก

การศึกษามาตามลำดับขั้นตอนนี้ คือการใช้เหตุผลพินิจพิจารณา เมื่อเข้าใจเหตุผลแล้วก็เกิดศรัทธาที่จะศึกษาธรรมวินัยจากคำสอนของท่านในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์สาวกผู้เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายที่สุดในยุคปัจจุบัน

ดังนั้น หากปราศจากการศึกษาประวัติของบุคคลแล้วนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเกิดศรัทธา เดินตามรอยธรรมยาตราของท่านไป
แต่เพราะได้ศึกษาประวัติอย่างดีแล้ว จึงเกิดศรัทธาอันแรงกล้า ที่จะเดินธรรมยาตราตามรอยเท้าของท่านไป

เราเกิดมาไม่ทันยุคพระพุทธองค์ก็ต้องอาศัยการศึกษาปฏิปทาของหลวงปู่วัดปากน้ำเป็นเข็มทิศนำทาง ท่านฝึกฝนตัวเองตามรอยพระบรมศาสดาอย่างไร เราก็ฝึกฝนไปตามคำสอนของท่านอย่างนั้น
ความตายจะมาถึงตัวเราเมื่อไรไม่มีใครรู้ รู้เพียงว่าทุกคนต้องแน่ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ เราควรตายอย่างผู้มีศรัทธา อย่าตายอย่างผู้สิ้นศรัทธา และศรัทธาที่ควรมีก่อนตายนั้นคือศรัทธาในพระรัตนตรัย เพราะดวงวิญญาณของผู้มีศรัทธาย่อมมีแสงสว่างนำทางไปสู่สุคติภูมิ

ศรัทธาในพระรัตนตรัย คือเครื่องนำไปสู่การรักษาศีล การฟังธรรม การให้ทาน การเจริญภาวนา ศรัทธาเป็นอริยทรัพย์อันสูงสุดในชีวิต ที่เราต้องรักษาไว้ให้ดีทั้งตอนเป็นและตอนตาย ต้องรักษาไว้ตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

-----------------
21 ม.ค. 2563
22.42 น.

Cr. Ptreetep Chinungkuro
ขอบพระคุณแหล่งที่มา https://www.facebook.com/tchinungkuro
ขอบคุณภาพจากเพจภาพดีๆ072

4 ความคิดเห็น: